วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ก็เขาให้ทำ ก็ทำไปเถอะน่า”

“ก็เขาให้ทำ ก็ทำไปเถอะน่า”

            อยู่ที่นี่มาก็ 1 เดือนแล้วกับการเป็นเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยเรื่องวุ่นวายๆต่างๆนาๆก็ถาโถมเข้ามาเยอะแยะจริงๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรถึงขนาดไม่ได้ทำอะไรหรอก

            อย่างที่หลายๆคนรู้ว่า เฟรชชี่ น่ะกิจกรรมเยอะเสียเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นจริงตามที่รู้มานั่นแหละ กิจกรรมเยอะจริงๆ เพื่อนบางคนต้องเข้าซ้อมร้องเพลงประสานเสียงกันเป็น 5-6 ชั่วโมง บางคนก็ซ้อมเชียร์กัน 4-5 ชั่วโมง บางคนนี้ต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องกันเป็นอาทิตย์ๆ แค่คิดก็เหนื่อย ยิ่งพวกคนที่จัดกิจกรรมเหล่านี้(พวกปี 2) ที่เหนื่อยยิ่งกว่าเสียอีก

            ความวุ่นวายเหล่านี้มีจุดประสงค์อะไร ทำไปเพื่ออะไรกันแน่ เคยสงสัยกันบ้างหรือปล่าว ผมถามเพื่อนผมคนนึง ซึ่งเป็นคนที่ทำกิจกรรมหนักพอสมควร ตอบว่า “ก็เขาให้ทำ ก็ทำไปเถอะน่า” .... คำตอบที่ผมได้รับเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทุกอย่าง คนส่วนใหญ่ก็ทำด้วยเหตุผลนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรหรอกนะ เพราะ“ก็เขาให้ทำ ก็ทำไปเถอะน่า”

            ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงตอบแบบนี้ต่างหากถึงน่าคิด เพราะเขาไม่มีอารมรณ์ร่วมกับกิจกรรมหรือเปล่า เพราะเขาไม่รู้ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์กิจกรรมจริงๆใช่ไหม  แต่ทำไมพวกเขาถึงยังทำกันล่ะ จะเพราะอะไรซะอีก โอเค ถึงรุ่นพี่จะไม่ได้บังคับขู่เข็ญอะไรหรอก แต่ก็ยังเกิดแรงกดดันอยู่ดีนั่นแหละ มันก็มาจากความอึดอัดซึ่งเกิดจากเพื่อนๆของเขานั่นเอง เพื่อนๆที่ต่างก็ตกลงที่จะทำกันหมด แล้วฉันละ ก็ต้องทำซิ ทำตามเขาไง ถูกมั้ย

            พอเรามาลองมาพิจารณาอะไรหลายอย่างๆ คำนึงถึงผลเสียผลลบที่เกิดขึ้นหากไม่มีกิจกรรมวุ่นวายเหล่านี้ ลองมองดูตัวอย่างจากรั้วแห่งอื่นดูบ้าง ผลลัพท์ก็คือแทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ หากไม่มีการเชียร์(แบบขึ้นสแตนด์ ร้องเพลง บลาๆ)เกิดขึ้น มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งกีฬาอะไรเลย หากไม่มีรับน้องใดๆเลย รุ่นราวคราวเดียวกันก็ต้องทำความรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะในการเรียนมันต้องช่วยเหลือกัน ถ้าอย่างงั้นแล้วเราจะทำเรื่องวุ่นวายเหล่านี้เพื่ออะไร

            ทำตามกันมาเป็นเหตุผลที่น่ากลัว ไม่ว่าจะมีคนท้วงติงอย่างไร มีเหตุผลอย่างไร ก็ไม่อาจจะสั่นคลอนได้ต่อเหตุผลเล็กๆนี้ มันน่ากลัวตรงที่ว่า ทำตามจนลืมที่จะนึกถึง เรื่องอื่นๆ ลืมนึกไปว่ามันได้ผิดกฎอะไรหรือไม่ ลืมนึกไปว่ามันได้ทำให้ใครซักคนเดือดร้อนมั้ย ลืมนึกไปว่าผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นคุ้มค่าต่อการทำหรือเปล่า

            สุดท้ายแล้วความวุ่นวายเหล่านี้ไม่ได้เริ่มมาจากสิ่งที่สำคัญอะไรเลย เริ่มมาจากกิจกรรมสนุกสนานกันไปตามประสา แก้เครียดจากการเรียนที่สาหัส แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนานจุดประสงค์ที่แท้จริงก็ถูกบิดเบือน เพราะเวลานั้นผ่านไปนานจนเกินไป ถ่ายทอดไปยังรุ่นสู่รุ่นมากมายเกินไป  กลายเป็นการทำตามกันมาเฉยๆไปซะแล้ว รุ่นพี่ทำให้เรา เราก็ต้องทำให้รุ่นน้อง น่ากลัวนะเหตุผลแบบนี้ น่ากลัวจริงๆ