วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เตรียมสอบ PAT1 กัน ข้อสอบเลขสุดอำมหิต

ต้องรู้ก่อนว่า
PAT1 นั้นจะออกเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องไหนควรอ่าน เรื่องไหนควรทิ้ง
ต้องแยกให้ออก ข้อไหนควรทำ ข้อไหนไม่ควรทำ
PAT1 นั้นมีทั้งหมด 17 บท อะไรบ้างนั้น หาเอาเอง -..-


"เรื่องไหนควรอ่าน เรื่องไหนควรทิ้ง"
หลักๆเลยก็คือ ตัดเรื่องที่ไม่ชอบไม่เคยอ่านทิ้งไปก่อน
ทุ่มให้กับเรื่องทีเราคิดว่าง่าย
แต่ปัญหาคือ ไม่ชอบซักเรื่องน่ะสิ -3-

เราขอแนะ เรื่องที่ PAT1 ออกง่าย ไม่พลิกแพลง ควรอ่าน

1. กำหนดการเชิงเส้น เป็นบทที่ไม่มีอะไรเลย มีหัวข้อเดียว มีวิธีทำเดียว ไม่มีความซับซ้อน ที่สำคัญออกทุกปี
2. พวกที่ไม่เห็นในบทเรียน คือมันจะออกง่าย ถ้าอ่่านจะรู้ เพราะเราจัดไว้ในบทไหนไม่ได้
3. สถิติ แน่นอน บทนี่ไม่มีอะไร ขอแค่เข้าใจทุกคำนิยาม สูตรท่องๆไปไม่เยอะ ก็เก็บได้ละ ที่สำคัญออกเยอะ 4-5 ข้อ
4. เรื่อง Expo Log ใช้ประสบการณ์นิดหน่อย แต่ถ้าเข้าใจ จะง่ายทันที
5. Matrix หา Det Adj หัวข้อนี้ สูตรเดียว ไม่ต้องเข้าใจก็ทำได้ ออกทุกปี
6. ทฤษฎีจำนวน จำพวก หรม ครน เลขเยอะหน่อย แต่ออกชัวร์
7. การแก้อสมการ ,อสมการติดแอ๊บ อันนี้ยากแต่ถ้าเคยทำจะทำได้ เพราะไม่พลิกแพลง แก้ได้ตรงๆ
8. ลำดับเลขคณิต และลำดับเรขา ถ้าโจทย์ข้อไหนบอกว่า เป็นลำดับเลขคณิตหรือลำดับเรขาคณิต จะกลายเป็นง่ายทันที แต่ถ้าบอกว่าเป็นลำดับใดๆ(ไม่บอกว่าเป็น เลข หรือ เรขา) ให้ข้ามทันที
9. Set ตรรกศาสตร์ เรื่องง่ายๆที่เก็บได้อยู่แล้ว
10 ความน่าจะเป็น แบบ Set (คล้ายเซ็ตเลย)

10ข้อที่กล่าวมา ถ้าทำได้หมด เราว่าได้เกิน 100 แล้วล่ะ 5555


เรื่องไหนควรทิ้ง

1. ลำดับ อนุกรม ถ้าไม่ตามข้อ 8 ให้กาข้อสอบทิ้งซะ
2. ตรีโกณมิติ แน่นอนเอาโจทย์จากโลกไหนมาให้สอบ
3. เลขเยอะๆ เช่น xกำลังพัน เงี่ย อย่าคิดแตะ
4. ความน่าจะเป็น ให้อ่านดู นึกภาพให้ออก ถ้านึกไม่ออกข้าม
5. ข้อสอบ โอลิมปิก ทั้งหลาย อ่านแล้วจะรู้เลย โอ แน่ๆ(ข้อสอบโอ จะซับซ้อน ข้อไหนอ่านไม่รู้เรื่อง ข้อนั้นแหละ)
ต่อไปนี่เป็นเรื่องที่ถ้าชอบก็เก็บ ถ้าไม่ชอบก็ทิ้ง(ยาก ไม่ยากตามความเห็นเรานะ)
1ฟังก์ชั่น 2ภาคตัดกรวย
3matrix 4vector 5cal 6จำนวนเชิงซ้อน


"การทำข้อสอบเลขให้ได้คะแนนเยอะ"

วิธีการ
1อ่านข้อสอบทั้งหมดก่อน อย่าเพิ่งทำ แล้วเขียนชื่อเรื่องไว้ด้านหน้าข้อ
2เรื่องไหนเราอ่านมาก็วงข้อไว้ เรื่องไหนไม่ได้อ่านก็กากบาทใส่เลย
3พิจารณาจากข้อที่วงว่าทำข้อไหนได้บ้าง
แล้วอย่าพึ่งทำ ให้ดูโจทย์แล้วคิดภาพรวมของการแก้โจทย์
ถ้ามองเห็นทางสว่างก็วงไว้ ถ้านึกแล้วตันให้ใส่เครื่องหมาย ?


เริ่มทำข้อสอบ
1เรียงลำดับการทำคือ ทำข้อที่วงไว้ให้ได้ทุกข้อ
2หลังจากนั้นทำข้อที่เเราใส่ ?
แค่สองอันนี้เวลาก็จะหมดละ แต่ถ้ามีเวลาเหลือก็พยายามข้อที่กากบาทไว้แต่แรกละกัน
*พยายามทำอัตนัยก่อน เพราะมันมั่วไม่ได้*


สิ่งที่ควรระวัง
1 การคิดเลขผิด การสะเพร่า หากเราคิดข้อหนึ่งจนขั้นตอนสุดท้าย ได้คำตอบแล้ว พอไปเช้คช้อย ไม่มีคำตอบให้ข้ามทันที ว่างไว้ มีเวลากลับมาคิดใหม่(แต่ถ้าเป็น อัตนัย ก็ตอบเลยเหอะ)
2 เวลา รักษาเวลาให้ดี ถ้าเรากำลังทำข้อที่เราไม่เคยเห็น แต่น่าจะง่าย อย่าไปเสียเวลากับข้อเหล่านั้นให้มากนัก เกิน 3 นาทีให้โยนทิ้งทันที


"การฝึกทักษะเหล่านี้มีอยู่ 2 อย่างที่ต้องทำ"
1 การทำโจทย์ให้มากที่สุด(อย่างต่ำ 7 วัน นี่ขอ 100ข้อ ก็น่าจะไหวนา)
2 จำลองการสอบ(2-3 ครั้ง สอบกับข้อสอบจริง จับเวลาจริง)


การทำโจทย์ จะทำให้เราสามารถแยกแยะโจทย์ได้ง่ายขึ้น
คือ หากเจอโจทย์เยอะ เราจะรู้เลยว่า ข้อนี้ ทำแล้วได้คำตอบแน่ ข้อนั้น ทำแล้วไปต่อไม่ได้ หรือข้อนี้เรื่องนี้ผสมเรื่องนั้นนะ เหมือนกับว่า เรามีประสบการณ์มากขึ้น ก็จะทำได้ดีขึ้น


การจำลองสอบ จะทำให้เราบริหารเวลาได้ดีขึ้นในรอบต่อไป ทำให้เราาคิดเลขผิดน้อยลง สะเพร่าน้อยลง กล่าวคือ ทำให้เรามีสติมากขึ้นนั่นเอง และอีกอย่างนึง ทำให้รู้ว่าเราบกพร่องตรงไหนยังไง จะได้แก้ไขได้ทัน


สู้ๆทุกคนนะครับบ > < 


วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เหตุการณ์ก่อนประกาศผล และวันสัมภาษณ์สุดระทึก !!






                     คืนก่อนวันที่ 24 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ทาง มธ ประกาศผลผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ ผมก็อยู่ไม่สุขในคืนนั้น ไม่เป็นทำอะไร ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มัน....ไม่รู้สิ .....มันอธิบายได้ยาก คุณต้องมาเจอเองถึงจะรู้ เหมือนกับความรู้สึกต่างๆ เสียใจ ตื่นเต้น กลัวเครียด มาถาโถมเข้ามาพร้อมกันยังไงยังงั้นเลย เช้าวันที่ 24มกราคม ผมจำเป็นที่จะต้องไปโรงเรียน เพราะทางโรงเรียนมีการจัดติวโอเน็ต ขาดไม่ได้ ไม่งั้นมีปัญหา ก็เลยจำเป็นที่จะต้องไป ระหว่างติวเนื้อหาที่ทางอาจารย์ที่ติวให้ ไม่ได้เข้าหัวผมเลย ในหัวผมมีแต่ มธ มธ มธ 

                     11:0น0 น. เวลที่ทางมธ กำหนดให้เป็นวันประกาศผลผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ แน่นอนครับ เว็บล่มมม ผมได้แต่กันรีๆๆๆไปเรื่อยๆ บน Ipad ที่ยืนเพื่อนมาดู ผมกดรีอยู่อย่างงั้นจนเวลา บ่าย 2 ในที่สุดก็มา เป็นแบบรายชื่อเรียงลงมา ผมจึงรีบๆเปิดดู และเลื่อนดูอย่างช้าๆ เวลาผ่านไปไม่นานเท่าใดนัก มันก็มาถึงตัวอักษรตัวแรกของชื่อผม ....



. ผม

ก็

เริ่ม

เลื่อน

ลง 

มา

ทีละนิด ๆ 

..



.............



..

.



.........







. .


..
 .... ... !!!!!!!!! ในที่สุด สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าคือชื่อของผม 

                     ใช่ชื่อของผมเอง ผมเลื่อนไปมองด้านข้างอย่างไม่รอช้า ....ข้อความข้างๆที่จะยืนยันว่า... คุณคือผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ .... เยสสส ผมดีใจสุดขีด 


สอบติดแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย



                     ในที่สุด สิ่งที่ผมร่ำเรียนมาตั้งแต่ เด็กจนโต ก็สำเร็จผล สิ่งที่เสียเงินให้กับที่เรียนพิเศษเป็นหมื่นๆก็คุ้มค่า วันเวลาที่ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือ มันก็ไม่สูญเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่จบ การสอบสัมภาษณ์สุดหินรอเราอยู่ ที่มันหินเพราะที่นี่ประกาศ 400กว่าคนแต่รับจริงๆแค่ร้อยกว่าเท่านั้นเอง



                     หลังจากวันนั้นผมก็เตรียมตัวสำหรับการสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 2กุมภาพันธ์2556 แต่ผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรมากมาย ผมเข้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และข้อมูลกับรุ่นพี่ สิ่งที่ได้รับคำตอบเหมือนกันคือ ประมาณว่า ไม่ต้องกังวล มธ รับทุกคน เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงสบายใจ แต่ก็ไม่รู้จะเตรียมข้อมูลอะไรไปตอบดี เพราะเห็นที่รุ่นพี่มาเล่า ก็ถามมาไม่เหมือนกัน คนสัมภาษณ์เยอะ แล้วแต่ว่าจะได้เจออท่านไหน


                     สุดท้าย ผมก็ไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรเลย


                     คืนออกเดินทางคือวันที่ 1กุมภาพันธ์2556 สิ่งที่ต้องเตรียมคือเอกสารที่ทาง มธ กำหนด ซึ่งแน่นอนผมเตรียมการเรียบร้อย และขึ้นรถจากสกลนครเวลา 19:45น. จนถึง มธ รังสิต ในเวลาตีห้า นี่เป็นการเข้ากรุงเทพครั้งที่ 2 ของผมล่ะมั้ง


                     ผมนั่งรออยู่ใน มธ นั่นแหละ มีเพื่อนมาบ้างก็นั่งรอด้วยกัน เขานัด 10โมงเช้า แต่เรามาซะ ตีห้า ก็ไม่เป็นไร นั่งรออยู่ในนั้นก็ไม่เบื่อเท่าไหร่ มีรุ่นพี่คอยให้ข้อมูลเกียวการสัมภาษณ์รวมถึงรวบรวมเอกสารต่างๆด้วย นอกจากนั้นยังมีรุ่นพี่คณะไหนไม่รู้ เอาของมาขาย เยอะมาก ผมก็ปฏิเสธไป แต่สุดท้ายก็ได้ซื้อพวงกุญแจกับสมุดสองเล่ม ฮ่าๆ ก็มันสวยดี


                     ระหว่างรอสัมภาษณ์เวลาผ่านไปช้ามาก ผมไม่เคยรออะไรขนาดนี้มาก่อน แบบรออย่างเดียว ไม่มีอะไรทำ คุยกับเพื่อนนิดๆหน่อยๆ แล้วก็นั่งรอไป ที่สำคัญระหว่างรอนั้นสุดแสนจะทรมาณ เหมือนกับอาการผิดปกติทุกอย่างในโลกเกิดพร้อมกัน(ความจริงแค่ปวดท้อง) ปวดอยู่อย่างงั้น แต่ผมก็นั่งรอต่อไปอย่างไม่รู้สึก ??(เอาเป็นว่าชั่งเถอะ)


                     รอมานานในที่สุดก็ถึงเวลา เขาเรียกอันดับที่ 319 (ผมเอง) ไปยื่นเอกสารและเตรียมตัวขึ้นสอบสัมภาษณ์ ผมรีบลุกไปอย่างไม่รอช้า ยื่นเอกสารเสร็จเป็นคนแรก หลังจากนั้นเดิมตามรุ่นพี่ ซึ่งนำทางไปยังห้องสัมภาษณ์



                     ผมรออยู่พักใหญ่ถึงจะคิวผม เอาล่ะ เตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว ในที่สุดก็เริ่มซักที เมื่อกรรมการเรียกให้ผมเข้าห้องสัมภาษณ์ได้ ผมเปิดประตูตรงหน้าที่ทำจากหลัก ดีไซน์สวยดี เปิดเข้าไปข้างในพบกับห้องโล่งๆที่มีอาจารย์กำลังสัมภาษณ์เด็กสองคู่บนเก้าอี้ ที่น่าจะเป็นเก้าอี้เล็คเชอร์ล่ะมั้ง หันเข้าหากัน และมีที่ว่างอีกหนึ่งสำหรับผม และมีอาจารย์สัมภาษณ์รออยู่ก่อนแล้ว



เริ่มสัมภาษณ์


" สวัสดีครับ"

ผมพูดแบบไม่คิดอะไร พร้อมยกมือไหว้ และนั่งลงทันที

" ขอเอกสารหน่อยครับ ประวัติส่วนตัวน่ะ"

ผมยื่นใบประวัติส่วนให้เขาไป เขาพิจารณาซักพัก

" โอ้ มาจากสกลนครเหรอ "

ผมก็แปลกใจนิดๆเช่นกัน

" ไหนลองแนะนำตัวหน่อยสิ"

ผมก็ไม่รู้จะแนะนำตัวยังไงก็เลย แนะนำตัวแค่บอกชื่อจริงกับโรงเรียน แล้วก็บอกชั้น เท่านั้นเอง -0- อาจารย์ก็ อืมๆ ไป

" เดินทางมาไกลน่ะ แล้วพักที่ไหน"

ผมก็ตอบไป

" ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง "

ผมตอบไปว่า 9ชั่วโมง(จริงๆ)

" แล้วมาตั้งแต่ตอนไหน ถึงตอนไหน "

เราก็บอกไปตามความจริง นำเสียงอาจารย์แปลกใจ โห นี่รอตั้งแต่ตี5เลยเหรอ

" ไหนลองเล่ามาสิ ว่าเดินทางมายังไง "

เออ เราก็เล่าไปอย่างงั้นอย่างงี้ ขึ้นรถตอนไหน อยู่ในรถเป็นไง แวะไหนบ้าง อาจารย์ก็นั่งฟังเรา


" ลำบากแย่เลยเนอะ " ผมตอบไปว่า " ลำบากสิครับ " อาจารย์ก็ยิ้มๆ แล้วก็ถามเรื่องใหม่


" คุณเกิดในสกลนครเนี่ย รู้จักคำขวัญจังหวัดตัวเองไหม "

ผมก็บอกไปตามความจริง ท่องให้ฟังไม่ได้ แต่พอรู้ใจความ อาจารย์ก็อืมๆ

" คุณคิดว่าที่ไหนในสกลน่าเที่ยว " ผมก็ไม่รู้อะไรเท่าไหร่นะ ก็บอกสถานที่หลักๆไป เพราะผมเห็นคนมาเที่ยวเยอะดี แล้วก็บอกไปว่า คนที่มาเที่ยวสกลส่วนใหญ่จะมาในแนวของพุทธศาสนา อ่านะ เพราะที่นี่พระดังๆเยอะ อะไรประมาณนั้น(ก็พอรู้บ้างงงงง)

อาจารย์ก็อือออกับผมไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์คิดยังไง แต่ก็ไม่เครียดเท่าไหร่ ผมรอคำถามต่อไป

" คุณไปโรงเรียนยังไง"

ผมตอบตามความจริงคือ ขี่มอเตอร์ไซด์ธรรมดาๆ นี่แหละไป

" ในฐานะที่คุณเป็นคนใช้ถนนนะ คุณรู้สึกยังไงกับคนขี่รรถย้อนศร"

" ไม่ชอบ ครับ"

" อ่าว ทำไมล่ะ ก็มันใกล้กว่าตั้งเยอะ"

" ก็มันไม่ชอบใจเท่าไหร่ครับ"

" เคยทำไหม"

" เคยครับ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี หมายถึงไม่ชอบตัวเองด้วย แต่มันใกล้มาก เปลืองน้ำมันมากเกินไปครับ"



" แล้วคุณได้สมัครสอบที่อื่นไว้ไหม จุฬาได้สมัครหรือเปล่า " ผมตอบไปว่า ไม่ได้สมัครที่ไหนนอกจากที่นี่ ส่วนจุฬา ผมไม่ได้สมัครครับ เพราะคะแนนไม่ถึง เปลืองตังเปล่าๆ (ความจริงสมัครโควต้ารับตรงของ มข ไว้แต่ไม่เอาอยู่แล้ว สมัครไปงั้น เปลืองตังชิบ ก็เลยไม่ได้บอกไป)


" แล้วถ้าคุณไม่ได้ คุณจะทำยังไง " ผมก็บอกว่ารอแอดครับ แล้วเขาก็ดูคะแนน GAT PAT ผม เขาก็ "คะแนนสูงมากนะนี่" ....ไอเราก็นิ่ง เหรอ สูงแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆ


อาจารย์นิ่งซักพักแล้วก็ ....

" เดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำซักครู่ "

                     อาจารย์ขอตัวเข้าห้องน้ำครับ ฮ่าๆ ผมก็เงิบนิดๆ ระหว่างรอผมก็ฟังสัมภาษณ์ของโต๊ะอื่น อืมม อาจารย์โต๊ะข้างๆนี้ พูดน่ากลัว แต่ละคำถามค่อนข้างแรงทีเดียว แต่อีกโต๊ะนึงด้านหลังได้ยินแต่เสียงนักเรียนแฮะ ส่วนเสียงอาจารย์ด้านหลังนั้นไม่ได้ยินเลย


                     ผมรออยู่ไม่นานนัก อาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมก็กลับมา พร้อมกับ ผู้ชายตัวใหญ่เสื้อสีม่วงเข้มลายทาง(มั้ง) กับเนคไทล์สีเทาๆ อาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมบอกว่า " นี่เด็กคนนี้มาจาก สกลนคร เลยนะ ผมเลยอยากให้พี่มาสัมภาษณ์ด้วย น้องคนนี้มุงมั่นจะเข้าที่นี่มากเลย "( > < ) ฮ่ะ คือ แค่คนดียวก็หนักแล้วนะ คือ สองคนเลยเหรอ ... ผมก็ตกใจนิดหน่อยล่ะนะ(ไม่นิด) อาจารย์คนที่สองขอดูใบประวัติส่วนตัวผม แล้วก็เริ่มถาม


" คุณมาจากสกลนครเหรอ แล้วมายังไง " ผมกำลังจะตอบ อาจารย์อีกคนก็ตอบแทนไป ผมก็ได้แค่ครับ

" โห มาไกลมากเลยนะ คงอยากเข้าที่นี่มาก " ผมก็ตอบไปว่า " ครับ อยากเข้ามาก "


                     แล้วเขาก็ถามเกี่ยวกับบ้านเกิดผม พ่อแม่ทำงานอะไร น้องชาย บลาๆ ประมาณว่าเรื่องๆทั่วไป โดยอาจารย์ทั้งสองสลับกันถาม คนที่ใส่เสื้อม่วง ก็ถามอะไรที่เกียวกับจังหวัดสกลนครอ่านะ สงสัยเขาคงจะสนใจจังหวัดนี่ล่ะนะ


" น่าสนใจๆ " ( > < ) อาจารย์เสื้อม่วงพึมพำระหว่างที่อาจารย์คนแรกถามผมว่า "เอาที่นี่แน่ๆใช่ไหม" ผมตอบไปว่า "แน่นอน ถ้าติดที่นี่ เอาเลย"

" มีคำถามอะไรอีกไหม " ผมตอบไปว่า "ไม่มีครับ"

" ไม่มี แน่นะ " "ครับ"


" อยากเข้าที่นี่มั้ย" "แน่นอนครับ" อาจารย์เสื้อม่วงถามผม

" อ่า โอเค เรียบร้อยแล้วครับ " ผมตอบว่า "ขอบคุณครับ" แล้วก็เดินออกไป


                     เวลาผ่านไปนานพอสมควรรในห้องสอบนั้น ประมาณซัก 30นาทีได้มั้ง ถือว่ายาวนานล่ะนะ บรรยากาศในห้องสัมภาษณ์ก็ไม่ได้กดดันอะไรมากหรอก แค่ตกใจที่คนมาสอบสัมภาษณ์ สอง คนล่ะนะ ผมไม่รู้ว่าคนกรุงเทพจะโดนถามว่ายังไง แต่ถ้าคุณเป็นเด็กต่างจังหวัดก็จะโดนถามเกี่ยวกับบ้านเกิดล่ะมั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่สัมภาษณ์อยู่ดีนั้นแหละ เอาว่าไม่ต้องเครียดมากหรอก แต่ก็นะ อะไรไม่แน่ไม่นอน วันที่ 22กุมพาพันธ์ ประกาศผลแล้ว เอาใจช่วยผมด้วยล่ะครับ :D

 

                     *ไม่ได้เขียนอะไรมากมาย เพราะนอกจากสอบแล้ว การบ้านจากโรงเรียนก็เยอะแยะมากมายเหลือเกิน ปิดเทอมคงมีเวลามากขึ้นนะครับ